วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เย้ยฟ้าท้ากรมขนส่ง! Uber จัดรถรับส่งฟรีทั่วกทม.เลี้ยงคริสต์มาส

ถึงแม้ว่ากรมการขนส่งจะออกมาประกาศว่าการให้บริการของ Uber นั้นถือว่าผิดกฏหมาย ทั้งในเรื่องโครงสร้างการจัดเก็บค่าบริการพร้อมด้วยคนขับที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่ก็ดูเหมือนว่า Uber จักทำเป็นหูทวนลม ทั้งนี้เพราะในวันที่ 25 ที่จะถึงนี้ UberX เขาจะให้บริการฟรีฉลองคริสต์มาสนะเออ
ในบล็อกของ Uber ระบุไว้ว่าโปรโมชั่นนั่ง Uber ฟรีในวันคริสต์มาส จักเริ่มต้นตั้งแต่ตี 1 ของวันที่ 24 ธันวาคม นับไป 24 ชั่วโมง ทั้งผู้ใช้งานหน้าเก่าหน้าใหม่ก็จักได้โดยสารรถ UberX ฟรีๆ 2 เที่ยวภายในกรุงเทพฯ
ในบล็อกดังกล่าวยังเปรยอีกว่าถ้าหากคุณต้องเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ มีธุระด่วน ฉลองคริสต์มาสหนักเกินไป ใช่ไหมต้องการนั่งดูรถติดบนถนน อะไรก็แล้วแต่ แค่เรียก UberX ที่ในวันนั้นจะเป็นซานตาคลอสใจดี แล้วรายงานคนขับว่าคุณทะเยอทะยานจักไปไหนเท่านั้นเอง...นี่คงไม่ได้ประชดเรื่องแท็กซี่ไทยชอบปฏิเสธผู้เพราะว่าสารหรอกมั้ง...
ถ้าจักพูดเรื่องกระแสของ Uber ในแต่ละประเทศก็คงต้องสนทนาว่าปีนี้น่าจะเป็นปีชงของ Uber ก็เพราะว่าโดนแบนมาแล้วทั่วสารทิศ ล่าสุดก็คือไต้หวัน กับประเด็นเรื่องการขอใบอนุญาตไม่ตรงกับสายของการให้บริการ
เพื่อในประเทศไทย กรมการขนส่งระบุว่า ต่างว่าผู้ขับขี่ Uber คนใดยังคงให้บริการอยู่ก็จะถูกปรับเป็นเงิน 2,000 บาท เพราะว่าข้อหาใช้ยานพาหนะผิดอย่าง พร้อมด้วยปรับอีก 2,000 บาท จากข้อหาไม่ได้ใช้ค่าเพราะว่าสารที่ได้รัฐกำหนด และไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถรับส่งสาธารณะ รวมๆ แล้วเป็นเงิน 4,000 บาท
ก็ไม่รู้ว่าคริสต์มาสนี้จะมีซานตาคลอสโดนกรมการขนส่งเรียกไปจ่ายค่าปรับหรือไม่ก็เปล่า แต่ที่แน่ๆ คนขับ Uber ในไต้หวันก็โดนเรียกปรับไปอื้อซ่าอยู่เหมือนกัน รวมๆ แล้วก็ 3,000,000 บาท แต่ยังคงให้บริการได้เหมือนเดิม

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

13 บริเวณถ่ายรูปในบางกอก เวลาเย็น ที่คนรักการชักรูปมือใหม่(ก็ไปได้)

13 สถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น ที่คนรักการถ่ายรูปมือใหม่อย่างผม (กับคุณ) ก็ไปได้ ... ภาพถ่ายจากเลนส์ Kit 18-55
เรียบเรียงข้อมูลเพราะว่า Sanook.com, ขอขอบคุณข้อมูลกับภาพประกอบจาก Travel Planet Earth สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ด้วยกัน เฟซบุ๊ก EarthsEyeView
สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแนะนำสถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น (เท่าที่ผมเคยไปมา)ไปฟรี ไม่เสียตัง ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาติอะไรทั้งนั้น ใครๆ ก็ไปได้ครับเพื่อให้คนกรุงเทพฯ ที่หวังออกไปถ่ายรูป แต่ไม่รู้จักไปที่ไหนดี ได้มีที่ไปกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องเจรจาก่อนว่า ผมเองก็เพิ่งฝึกถ่ายรูปได้ไม่นาน ด้วยกันผมก็ใช้สถานที่เหล่านี้แหละเป็นที่ฝึกถ่ายรูปหลายที่อาจจะเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คนทั่วไปรู้จักกันอยู่แล้ว และก็ยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจ (แต่ผมเองยังไม่เคยไป)ใครมีที่เด็ดๆ นอกจากนี้ ก็มาแชร์กันได้นะครับ 

ผมใช้ Canon EOS 700D เลนส์ Canon EF-S 18-55 f/3.5-5.6 IS STM ครับ

เอาล่ะตามผมมาเลยยย!!!

1. โรงพยาบาลศิริราช มุมมหาชนจากสะพานพระปิ่นเกล้าครับ


@26mm+Crop16:9 f/8.0 1/250s iso100

2. สะพานพระราม 8 จากสะพานพระปิ่นเกล้า ถ้าข้ามไปอีกด้านหนึ่งของสะพานก็จักได้มุมนี้ครับ


@25mm+Crop f/4.0 8s iso100

3. วัดพระแก้ว มุมจากพื้นสนามหลวง


@33mm+Crop f/22 30s iso100
มุมมหาชนหน้ากระทรวงกลาโหม

@18mm+Crop f/11 15s iso100
นอกจากนี้ยังสามารถขอพี่ทหารเข้าไปถ่ายจากด้านในกระทรวงได้เลยครับ ตอนค่ำๆ เค้าจักเปิดน้ำพุด้วยครับ


(รูปนี้ผมใช้เลนส์ Canon EF-S 10-18 f/4.5-5.6 IS STM) @10mm+Crop f/4.5 8s iso100

4. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ไม่ต้องเสียเงินขึ้นไปถ่ายที่ร้านอาหาร ก็มีมุมที่พอถ่ายรูปวัดอรุณได้ครับ


@37mm+Crop f/13 30s iso100 หรือไม่จะไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกจากสะพานพุทธก็มองเห็นวัดอรุณได้เหมือนกัน


@55mm f/8 1/250s iso100

5. เสาชิงช้า

 @18mm+Crop f/16 30s iso100

6. พระที่นั่งอนันตสมาคม ถ้าวันไหนฝนตก จะมีน้ำท่วมขังหลายจุด ไปจับจองมุมกันได้ตามสะดวกครับ แต่ตอนถ่ายต้องระวังรถนิดนึงนะครับ ด้วยกันอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ไปรองกล้อง(จากพื้นน้ำ) ด้วยครับ


@18mm f/11 1.3s iso100

7. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

@18mm+Crop f/22 20s iso100 ถ้าไปตอนที่ฝนเพิ่งหยุดตก ก็จักได้มุมสะท้อนน้ำด้วยครับ แต่ผมไปไม่เคยทัน น้ำแห้งก่อนตลอด T_T

8. สวนลุมพีนี

@25mm+Crop f/22 30s iso100

@18mm f/8 1s iso100

9. Bangkok Eye (Asiatique the riverfront)


ออกนอกเมืองกันบ้างครับ
10. สะพานภูมิพล (สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม) ที่นี่ยามเค้าอนุญาติให้ถ่ายรูปได้ ห้ามกางขาตั้ง แต่เราอาจวางกล้องกับพื้นได้ครับ


@46mm f/22 30s iso100

11. หอประชุมใหญ่ ม.มหิดล ศาลายา ที่นี่เค้าไม่ได้เปิดไฟทุกวันนะครับ ก่อนไปควรเช็คก่อนล่วงหน้าด้วยครับ จักได้ไม่ไปเก้อ ^^

@39mm f/10 30s iso100

เพราะด้วยสถานที่ถัดจากนี้ ผมจำเป็นต้องใช้เลนส์มุมกว้างถ่าย ก็เพราะว่า @18 mm บุกเบิกเก็บไม่หมดแล้วครับ (ยกเว้นจะถ่ายพาโน) ผมใช้เลนส์ Canon EF-S 10-18 f/4.5-5.6 IS STM ครับ

12. สวนเบญจกิติ เกี่ยวกับที่นี่ผมแนะนำให้ไปตอนเช้าจะดีกว่า (เปิดตี 5) ก็เพราะว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางนี้พอดีครับ (ถ้าไปตอนเย็นเราจักหันหลังให้พระอาทิตย์)


@13mm f/7.1 30s iso100

13. ช่องนนทรี

@10mm f/8 0.5s iso100

@10mm f/8 8s iso100

หมดแล้วครับสถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น ที่ผมประสงค์จักแนะนำให้ทุกคนได้ไปกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมครับ ^___^ 
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิธีตรวจสอบมือถือ หรือว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ

วิธีตรวจสอบมือถือ หรือไม่สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ซื้อทุกคนควรรู้
เผลอหน่อยเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2014 กันแล้ว ซึ่งก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจัก, สมาร์ทโฟน หรือไม่แท็บเล็ต ในช่วงปลายปีแบบนี้ ทั้งนี้เพราะมักเป็นช่วงที่บรรดาผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ มักจะแข่งขันกันเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ ค่าโดนๆ มากเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการตรวจสอบคุณสมบัติ และค่าจำหน่าย ให้ตรงกับความต้องการของเราแล้ว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรทำก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับร้านค้าก็ คือ การตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวสินค้าอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ภายนอกกล่อง ไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน เพื่อให้สมาร์ทโฟน พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งใจซื้อมาใช้งาน มีสภาพที่สมบูรณ์เต็ม 100% นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ นั้นก็ไม่ยาก ทุกท่านสมรรถทำตามได้อย่างแน่นอน ลองไปติดตามกันได้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบสภาพกล่อง
เท่าที่ เราตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวแล้ว ก็มาเริ่มทำที่การเช็คสภาพกล่องกันก่อน โดยสภาพกล่องจะต้องไม่มีร่องรอยการแกะ ใช่ไหมบุบเสียหายก่อนจักถึงมือเรา
ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบสภาพตัวเครื่อง
มาต่อกันที่ตัวเครื่อง ขณะทำการแกะกล่องเรียบร้อยแล้วเราก็มาตรวจสอบสภาพตัวเครื่องว่ามีร่องรอย ในการตกหล่น, รอยขีดข่วน ใช่ไหมรอยถลอกของตัวเครื่องบ้างหรือว่าไม่ โดยผู้ใช้งานควรจักตรวจสอบทั้งตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ, ขอบตัวเครื่องทั้งด้านบน-ล่าง กับซ้าย-ขวา ถ้าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นอาจถอดฝาหลังได้ ก็ควรจะแกะฝาหลัง พร้อมทั้งตรวจสอบด้านใน พร้อมตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่อง
เกี่ยวกับอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่องนั้น สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจักมีความแตกต่างกันออกไป บ้าง แต่เพราะว่าพื้นฐานทั่วไปแล้วจะประกอบไปด้วย สายหูฟังแบบสเตอริโอ, อะแดปเตอร์ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่, สาย microUSB เพราะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์, คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน ซึ่งส่วนนี้จะสำคัญมากเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้ใช้งานควรจะตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันอย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบคลื่นความถี่ 3G เหรอ 4G
ก่อนผู้ใช้งานจะเระบือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ก็คงจะตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนนั้นรองรับคลื่นความถี่ที่เราใช้ได้ใช่ไหมไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเราก็ต้องมาตรวจสอบกันให้ดี ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะรองรับการใช้งาน 3G แต่สมาร์ทโฟนบางรุ่นจักรองรับคลื่นความถี่แตกต่างกัน โดยความถี่ 3G ของแต่ละเครือข่ายในประเทศไทยจะเป็นดังนี้คือ เครือข่าย AIS ใช้คลื่นความถี่ 900/2100 MHz, เครือข่าย dtac ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz ด้วยกันเครือข่าย TrueMove H ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz

คราวตรวจสอบความถี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลองนำซิมการ์ดใส่เข้าไปที่ตัวเครื่อง พร้อมด้วยเปิดหนังสือสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมกับเปิดโหมดเชื่อมต่อข้อมูล พร้อมด้วยประลองการใช้งานอินเทอร์เน็ตลอดเว็บเบราว์เซอร์ รวมไปถึงต่อสู้การโทรเข้า ด้วยกันโทรออก ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่่ 5 : ตรวจสอบหมายเลข IMEI
ในการตรวจสอบรหัส IMEI นั้นมีหลายวิธี เพราะว่าเบื้องต้นแล้วเรารอบรู้ตรวจสอบได้จากข้างกล่อง พร้อมทั้งนำมาเปรียบเทียบกับเลข IMEI บนเครื่อง เพราะสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่เลข IMEI จักอยู่ด้านในใต้แบตเตอรี่ ซึ่งเราอาจแกะฝาหลัง พร้อมทั้งนำแบตเตอรี่ออกได้ เหตุด้วยสมาร์ทโฟนที่ไม่สมรรถแกะฝาหลังได้นั้น เลข IMEI จักถูกติดไว้ที่หลังของตัวเครื่อง รวมไปถึงการใส่รหัสพิเศษเพื่อตรวจเช็คเลข IMEI ก็ทำเป็นทำได้เช่นกัน เพราะเข้าไปที่โหมดการโทร และกดรหัส *#06# แค่นี้เลข IMEI ก็จักแสดงขึ้นมาให้เราเห็น
ขั้นตอนที่ 6 : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่

เพราะว่าปกติแล้วสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ออกจากกล่อง บริเวณขั้วแบตเตอรี่สีทอง นั้นไม่ควรมีรอยขีดข่วน ไม่ใช่หรือมีสีอื่นๆ ปะปนนอกจากสีทอง รวมไปถึงรอยไหม้ หรือจุดดำบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ทั้งในส่วนของตัวเครื่อง ด้วยกันส่วนของก้อนแบตเตอรี่
วิธีที่ 7 : ตรวจสอบอาการผิดปกติของเม็ดสีบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบนั้นจะมี 2 แบบ อย่างแรกคือ การตรวจสอบ Stuck Pixel โดยการตรวจสอบนี้หน้าจอแสดงผลต้องเป็นภาพที่ดำสนิท ขณะลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่แตกต่างไปจากสีดำ ซึ่งเม็ดสีที่เห็นนั้นจะมีทั้งสีน้ำเงิน, สีขาว ด้วยกันสีแดง อย่างที่สองคือการตรวจสอบ Dead Pixel เพราะการตรวจสอบนี้ภาพหน้าจอต้องเป็นสีขาวสว่างพอสมควร ครั้งลองตรวจสอบแล้วจักเห็นเม็ดสีที่เป็นสีดำ กับถ้าเปลี่ยนภาพที่เป็นสีอื่นๆ ที่ไม่ใช้สีดำแล้ว เม็ดสีนั้นก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เหมือนเดิน พร้อมทั้งผู้ใช้งานยังทำได้ตรวจสอบความผิดปกติของเม็ดสีด้วยแอปพลิเคชัน Pixel Test หรือว่าเข้าโหมด Test Menu เพื่อทำการตรวจสอบได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 8 : เข้าเมนูตรวจสอบ (Service Test) ด้วยรหัสลับของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์
  
ถ้าท่านใดยังไม่ทราบ เราศักยชิงชัยการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ของตัวเครื่องได้ทั้งหมดภายในที่เดียว เพราะที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม วิธีการก็คือให้ เราเข้าไปที่โหมดโทรออก แล้วพิมพ์รหัสลับด้วยตรวจสอบสมาร์ทโฟนเข้าไป ซึ่งรหัสสำหรับสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันออกไปดังนี้
สมาร์ทโฟนซัมซุง (Samsung) ใส่รหัส *#0*#
                     
สมาร์ทโฟนโซนี่ (Sony) ใส่รหัส *#*#7378423#*#*
                     
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#*
                     
สมาร์ทโฟนแอลจี (LG) ใส่รหัส 3845#*รหัสรุ่น# หรือว่า กด 1809#*รหัสรุ่น#
                     
สมาร์ทโฟนออปโป้ (OPPO) ใส่รหัส *#808#
สมาร์ทโฟนเลอโนโว (Lenovo)  ใส่รหัส  ####1111#
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#* หรือไม่ *#*#4636#*#*
สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (Huawei) ใส่รหัส ##497613
สมาร์ทโฟนไอโมบาย (i-mobile) ให้กดปุ่มปิดเครื่องก่อน ตราบหน้าจอดับแล้วให้ กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) กับปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน
ซึ่งรหัสของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ข้างต้น จะเป็นรหัสเพื่อเข้าโหมดวัดใจ หรือไม่ก็ Service Test และมีเมนูย่อยเพื่อประลองการใช้งานขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจัก เป็นการชิงชัย Dead Pixel, การรับรับปากณ, ระบบสั่น, กล้องถ่ายภาพ, เซ็นเซอร์, ระบบสัมผัส, ลำโพง, ปุ่มกด พร้อมทั้งอื่นๆ ซึ่งฟังก์ชันวัดใจต่างๆ จักมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จักใส่มาให้มากน้อยขนาดไหน
 ขั้นตอนที่ 9 : ตรวจสอบแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบอาการแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล ขึ้นต้นจากการเปิดกล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่องแล้วทำการนำมือทั้งสอง ข้างมาบังแสงรอบนอก กับสังเกตตามขอบจอว่ามีแสงลอดออกมามาก หรือไม่ก็น้อย พ่างใด ถ้าออกมามากจนเกินไป ผู้ใช้งานก็สมรรถแจ้งพนักงานเพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 10 : ตรวจสอบระบบสัมผัสของหน้าจอแสดงผล และปุ่มสัมผัส
การตรวจสอบระบบสัมผัสนั้นมีหลายวิธี เช่น การปัดหน้าจอไปซ้าย-ขวา ใช่ไหมการปัดขอบหน้าจอด้านบน พร้อมกับด้านล่าง พร้อมทั้งตรวจสอบการแตะหน้าจอขณะเล่นเกม รวมไปถึงการแตะปุ่มควบดูแลการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งจะอยู่ด้านล่างของหน้าจอ โดยกดปุ่มฟังก์ชัน (หรือว่าปุ่ม Recent Apps), ปุ่มโฮม พร้อมด้วยปุ่มย้อนกลับ คร่าวๆ 3-5 ครั้ง
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com